วันอังคารที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2556

ความอ่อนแอของระบบการศึกษา ณ พ.ศ. 2556

ความอ่อนแอของระบบการศึกษา ณ พ.ศ. 2556

การศึกษาไทยในยุคปัจจุบันวัดกันที่การแข่งขัน  วัดกันที่อันดับ  หลังจากผลการประเมินการจัดอันดับคุณภาพการศึกษา  ไทยอยู่อันดับท้ายของอาเซียน
หลายคนวิตกจริตไปกันใหญ่  โดยเฉพาะสื่อต่าง ๆ ประโคมข่าวกันอย่างสนุกสนาน

ซึ่งกระผมคนเขียนบทความนี้เองก็ไม่รู้รายละเอียดหลอกว่าเขาวัดอะไรบ้าง เพียงแต่เห็นข่าวประโคมก็เริ่มท้อใจกับสังคมไทยที่ค่อยโทษการศึกษาไทยว่าด้อยพัฒนา 
เราก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าระบบการศึกษาบ้านเราปฏิรูปแล้วปฏิรูปอีกหลายรอบ  จนไม่รู้จะอธิบายอย่างไร

ซึ่งความหวังดีของผู้หลักผู้ใหญ่ นักวิชาการที่ค่อยแก้ไขระบบการศึกษาให้เปลี่ยนแปลงตามการแข่งขันทางด้านคุณภาพการศึกษาของประเทศ  ต่างตระหนกกันใหญ่  แล้วก็โทษครูผู้สอนว่าสอนอย่างไรถึงทำให้คุณภาพการศึกษาต่ำลง  แท้ที่จริงแล้วท่านนักวิชาการและผู้หลักผู้ใหญ่ลองกลับมามองระบบการศึกษาที่ท่านกำลังจะเปลี่ยนแปลงอีกแล้ว  ได้ยินข่าวว่าจะยุบกลุ่มสาระการเรียนรู้ใหญ่เหลือ 6 กลุ่ม ก็คงจะเป็นการปฏิรูปการศึกษาอีกรอบ...    
เพราะการศึกษาบ้านเราชอบตามกระแส  นักวิชาการทางการศึกษาก็ไม่ค่อยได้ใช้เวลาคลุกคลีกับเด็กนักเรียน  นักศึกษามากนัก  เอาเวลาส่วนใหญ่ไปวางแผนการบริหารการศึกษาแบบไม่หยุดนิ่ง ปรับเปลี่ยนแนวคิดไปมาอยู่เสมอ เปลี่ยนคนเปลี่ยนความคิดตลอด  ที่เหลือก็โยนความผิดให้ครูผู้ปฏิบัติการสอนเป็นผู้รับกรรมจากสังคม ว่าการศึกษาไทยอ่อนแอ  แต่จะมีสักกี่คนที่จะเข้าใจความเป็นจริงของสังคมว่า  เด็กทุกวันนี้ประสบปัญหามากมาย ซึ่งส่วนใหญ่สังคมเป็นผู้สร้างไว้ทั้งนั้น  อีกทั้งระบบการเข้ารับการศึกษาในระดับอุดมศึกษาที่ยุ่งยากขึ้นทุกวัน  เด็กไทยต้องเครียดอีกมาแค่ไหน อะไร ๆ ก็ลงที่เด็กที่ครูผู้สอน  การจะปรับปรุงการศึกษารอบต่อไป  ขอให้คิดให้ดี ไม่จำเป็นต้องรื้อใหม่เสมอไป ของเก่าดี ๆ ก็มี  ปรับปรุงคงจะดีกว่าปฏิรูปเป็นแน่แท้  ไม่อยากเห็นความอ่อนแอของการศึกษาไทยที่ต้องค่อยตามหลังคนอื่น เพราะเรามัวชื่นชมการศึกษาเมืองนอกจนเกินเหตุ  เมื่อไหร่จะเห็นนักวิชาการการศึกษาบ้านเราที่มีแนวคิดสร้างระบบการศึกษาที่ไม่ต้องตามเขา  มันเหนื่อยทั้งคนปฏิบัติและคนวางแผนการศึกษาไหมที่ต้องคอยเปลี่ยนแปลงตามกระแส แทนที่เราจะเป็นผู้นำกับต้องมาเป็นผู้ตาม

ความคิดส่วนตัวผู้เขียน  เห็นได้ชัดว่าเด็กยุคใหม่สมัยนี้ไม่ได้อ่อนด้านความรู้  ด้านทักษะ  เด็กไทยเก่งขึ้นมากกว่าเดิมเยอะ

คงไม่ต้องมาท้อใจกับการประเมินการศึกษาที่วัดค่าทางสถิติตัวเลข  เบื่อและท้อสังคมที่อ่อนแอตามกระแส

หวังว่าจะมีคนเข้าใจว่าครูไทยและเด็กไทยไม่อ่อนแอวิชาการอย่างที่คิด

เป็นกำลังใจให้ครูผู้ปฏิบัติการสอนและเด็กไทยสู้ต่อไป  

ผู้เขียน
(ดอกท้อ)

วันที่เขียน

4 กันยายน พ.ศ. 2556

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น