วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

การวิจารณ์เพื่อสร้างสรรค์

วิจารณ์เพื่อสร้างสรรค์

หลาย ๆ คนไม่ชอบการติ หรือคำวิจารณ์
แต่รู้ไหมว่า การถูกติ หรือการถูกวิจารณ์  ทำให้เราได้กลับมามองว่าสิ่งที่ถูกวิจารณ์นั้นว่าเป็นจริงหรือไม่
แล้วควรจะแก้ไขอย่างไร หรือเป็นเพียงคำวิจารณ์ที่ไม่ก่อให้เกิดผลใด ๆ

ในการทำงานหลาย ๆ คนมักจะกลัวคำวิจารณ์จากผู้อื่น  ซึ่งบั่นทอนความรู้สึก
แต่ใครจะรู้ว่าคำวิจารณ์นั้นแหละเป็นสาเหตุให้คนบางคนเกิดการพัฒนาจนประสบความสำเร็จ
เพราะข้อวิจารณ์เหล่านั้นมีทั้งข้อวิจารณ์เพื่อให้เกิดผลดี  ทำให้ผลงานนั้นสมบูรณ์ขึ้น และข้อวิจารณ์ที่ไม่ก็ให้เกิดผลดี  การรู้จักแยกแยะข้อวิจารณ์เพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์ผู้ถูกวิจารณ์จะต้องรู้จักพิจารณาว่า  สิ่งที่ได้รับการวิจารณ์มานั้นข้อวิจารณ์ส่วนไหนนำมาปรับปรุงแล้วเกิดผลดี ข้อวิจารณ์ส่วนไหนเป็นข้อวิจารณ์ที่ไร้ประโยชน์ ก็ทิ้งไป
เฉพาะนั้นเวลาจะทำงานหรือตั้งใจจะทำอะไรสักอย่าง  สิ่งที่เราไม่ควรมองข้ามคือผู้วิจารณ์ผลงาน  เพื่อที่เราจะได้ทราบความคิดเห็นของคนอื่นถึงที่เราทำนั้นมีข้อบกพร่องตรงไหนบ้างที่เรามองไม่เห็น

การวิจารณ์เชิงสร้างสรรค์จึงมีประโยชน์อย่างมากในการพัฒนาคนและผลงานให้เกิดความสมบูรณ์มากขึ้น

วันที่เขียน
22/07/2556
ผู้เขียน

พยัคฆ์กูรู

วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เหตุผลของการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมไม่ประสบความสำเร็จ

เหตุผลของการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมไม่ประสบความสำเร็จ

เหตุผลของการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมไม่ประสบความสำเร็จสักที  ก็เพราะว่าการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม ไม่สามารถใช้วิธีใดวิธีหนึ่งในการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม  ดังที่เห็นตามสื่อก็ดี หรือการจัดกิจกรรมภายในโรงเรียนก็ดี  มีการสร้างแบบประเมินผลคุณธรรมจริยธรรมกันอย่างหลากหลาย  แท้จริงแล้วคุณธรรม  จริยธรรมนั้นวัดค่าด้วยตัวหนังสือ  หรือค่าทางตัวเลขไม่ได้จริงว่าใครบ้างมีคุณธรรมมากกว่าคุณธรรมน้อยกว่า  เพราะคุณธรรมจริยธรรม ต้องปลูกฝังกันตั้งแต่ที่บ้านเป็นพื้นฐาน และไม่สามารถสอนเป็นวิชาใดวิธีชาหนึ่งได้ เพราะการจะส่งเสริมคุณธรรมได้จริงนั้นมันต้องส่งเสริมได้ทุกเวลา  และทุกที่ทุกสถานการณ์  และอีกอย่างคือผู้ที่เป็นแบบอย่างนั้นก็ต้องมีคุณธรรม จริยธรรมเสียก่อนที่จะสอนเด็ก   นี้แหละคือสาเหตุของความล้มเหลวในการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมที่บ้านเรา เมืองเราไม่เคยทำได้จริง 
ก็เพราะเราเน้นสอนวิชา ว่าคุณธรรมจริยธรรมนี้ควรจะเป็นวิชา 
เน้นการวัดผล  ว่าคุณธรรมจริยธรรมต้องวัดค่าได้ ประเมินได้ว่างั้น
เน้นการแข่งขัน  ว่าผลการประเมินของฉันทำให้เด็กมีคุณธรรม จริยธรรมมากกว่าของเธอ
ยิ่งทุกวันนี้เห็นเด็ก ๆ เริ่มก้าวร้าวมากขึ้น ตีกัน  ใช้คำพูดไม่สุภาพ  คิดว่าตนคิดนอกกรอบแต่ขาดการตีกรอบความดีงาม  ทำให้เกินงาม

ทางแก้คือ 
1) พัฒนาตัวแบบ  คือ  ผู้ปกครอง  ครู  และผู้หลักผู้ใหญ่ ต้องทำตนเป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรมให้ได้ก่อน  เพราะหากทำไม่ได้จะสอนหรือส่งเสริมอีกสัก 100  ปี ก็ไม่เห็นผล
2) สร้างนิสัย  คือ  ลงมือทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ เอื้อต่อการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม โดยไม่ต้องบังคับ  เพราะการถูกบังคับจะเป็นฝนความรู้สึกของคน  ฉะนั้นก็ควรหาวิธีชักจูงที่เหมาะสมกับแต่ละคนแล้วกัน
3) เรียนรู้ผ่านเรื่องราว  โดยนำเรื่องราวของบุคคลที่น่าสนใจ หรืออื่น ๆ ที่น่าติดตาม และสร้างแรงบันดาลใจในการมีคุณธรรม จริยธรรม ซึ่งสามารถใช้สื่อได้หลากหลาย เช่น เรื่องสั้น  หนังสือ  ภาพยนตร์  สารคดี  ภาพ  เพลง  ฯลฯ
4) วัดค่าด้วยความรู้สึก  ไม่จำเป็นเสมอไปว่าเราจะต้องดีค่าความดีงาม ความมีคุณธรรมจริยธรรมด้วยเครื่องนานาชนิด  เพราะถ้าเราอยากให้ทุกคนเป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรม  เราต้องศรัทธาในความเชื่อที่ว่าทุกคนสามารถเป็นคนดีได้ และความดีเริ่มที่ใจใช้ความรู้สึกสัมผัสที่ใจ  แต่จะใช้เครื่องมือก็ได้แต่อย่าบ่อยมากนัก
5) ปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม (แล้วแต่ความคิดของแต่ละบุคคล)

ที่เขียนไว้ข้างต้นเป็นเพียงการเสนอความคิด  ซึ่งเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล 
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะครับ


ผู้เรียบเรียง
พยัคฆ์กูรู

วันที่โพส

11/07/2556

วันพุธที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

แนวคิดการพัฒนาการศึกษา

แนวคิดการพัฒนาการศึกษาตามสไตล์รูปแบบของ  newnaew



Newnaew.net เป็นเว็บแนะแนวขนาดเล็กที่ผู้ก่อตั้งมุ่งหวังว่าจะเป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมแนะแนวในรูปแบบสารสนเทศออนไลน์ให้น้อง ๆ เยาวชน และผู้สนใจทั่วไปได้ใช้ประโยชน์ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้  และแสวงหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาศักยภาพตนตามแนวปรัชญาการศึกษาของไทย คือ การเรียนรู้ตลอดชีวิต ให้ทุกคนได้เข้าถึงการแนะแนวอย่างทั่วถึง เป็นต้นแบบให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ที่จบการศึกษาเกี่ยวกับครุศาสตร์  ศึกษาศาสตร์ ได้มีกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ครูด้วยอุดมการณ์  ไม่ว่าท่านจะประกอบอาชีพครูอยู่หรือเปลี่ยนทิศทางในการประกอบอาชีพในสายอื่น ๆ ก็ตาม หวังว่าท่านจะช่วยให้สังคมไทย และสังคมโลกได้เกิดความงอกงามทางด้านความคิด เกิดความดีงามแก่สังคม
เนื่องจากผู้ก่อตั้งมีแนวคิดและอุดมการณ์เกี่ยวกับการพัฒนาการศึกษาว่า ควรแยกออกเป็น 2  ส่วน และต้องปฏิบัติให้สัมฤทธิ์ผลโดยมีผู้เสียสละในการสนับสนุนในการพัฒนาการศึกษาเป็นรูปธรรม คือ 
ส่วนที่ 1  คือ  การศึกษาในโรงเรียน  เป็นหน้าที่ของครูผู้ประกอบวิชาชีพครู และมีอาชีพเป็นครูปฏิบัติหน้าที่ในการจัดการเรียนการสอนอย่างเต็มศักยภาพของตนด้วยจิตวิญญาณความเป็นครู
ส่วนที่ 2  คือ  การศึกษานอกห้องเรียน  ซึ่งเป็นการศึกษาในโลกกว้างไม่มีขีดจำกัดว่าต้องเรียนรู้ตรงไหน หรือที่ไหน เมื่อไหร่เพราะการเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา ทั้งด้วยตนเอง และมีผู้อื่นชี้แนะหรือแนะแนวตามอัตภาพ  ส่วนที่ 2 นี้จึงเป็นหน้าที่ของผู้ปกครอง  และผู้ที่มีอุดมการณ์ความเป็นครู ค่อยช่วยเหลือส่งเสริมให้เยาวชน และผู้สนใจได้พัฒนาการเรียนรู้อย่างเหมาะสม
ผู้ก่อตั้งจึงยึดเอาส่วนที่ 2 มาปฏิบัติเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนและพัฒนาการศึกษาให้เดินหน้าอย่างมีเป้าหมาย จึงเป็นสาเหตุที่ผู้จัดทำตั้งปณิธานจะไม่สอบบรรจุเป็นข้าราชการครู  แต่จะยังคงรักษาไว้ซึ่งจิตวิญาณแห่งความเป็นครู อยู่เสมอ จึงเป็นเหตุให้เว็บแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนกิจกรรมแนะแนวยุค พ.ศ. นี้ ตามแนวคิดของผู้ก่อตั้งเอง


อีกทั้งเป็นช่องทางให้ผู้ก่อตั้งได้ฝึกฝนประสบการณ์ความรู้ที่เกี่ยวกับการแนะแนวอย่างต่อเนื่อง หวังเป็นอย่างยิ่งว่า พี่ ๆ น้อง ๆ ผู้มีอุดมการณ์เดียวกันจะสานต่อในการสร้างสรรค์สังคมแห่งการเรียนรู้ร่วมกัน ให้เกิดการขยายวงกว้างมากขึ้น  พัฒนาทิศทางการศึกษาด้วยมือเรานะครับ  เพราะสังคมแห่งนี้มิใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง  เราทุกคนจึงจะต้องมีส่วนร่วมอย่าเสมอภาพ และสามารถและความคิดเห็นอย่างเสรี ตามหลักประชาธิปไตย  ช่วยสร้างปัจเจกชนที่มีคุณภาพให้กับสังคม