ความอ่อนแอของระบบการศึกษา ณ พ.ศ. 2556
การศึกษาไทยในยุคปัจจุบันวัดกันที่การแข่งขัน วัดกันที่อันดับ หลังจากผลการประเมินการจัดอันดับคุณภาพการศึกษา ไทยอยู่อันดับท้ายของอาเซียน
หลายคนวิตกจริตไปกันใหญ่ โดยเฉพาะสื่อต่าง ๆ ประโคมข่าวกันอย่างสนุกสนาน
ซึ่งกระผมคนเขียนบทความนี้เองก็ไม่รู้รายละเอียดหลอกว่าเขาวัดอะไรบ้าง
เพียงแต่เห็นข่าวประโคมก็เริ่มท้อใจกับสังคมไทยที่ค่อยโทษการศึกษาไทยว่าด้อยพัฒนา
เราก็เห็น ๆ
กันอยู่ว่าระบบการศึกษาบ้านเราปฏิรูปแล้วปฏิรูปอีกหลายรอบ จนไม่รู้จะอธิบายอย่างไร
ซึ่งความหวังดีของผู้หลักผู้ใหญ่ นักวิชาการที่ค่อยแก้ไขระบบการศึกษาให้เปลี่ยนแปลงตามการแข่งขันทางด้านคุณภาพการศึกษาของประเทศ ต่างตระหนกกันใหญ่ แล้วก็โทษครูผู้สอนว่าสอนอย่างไรถึงทำให้คุณภาพการศึกษาต่ำลง แท้ที่จริงแล้วท่านนักวิชาการและผู้หลักผู้ใหญ่ลองกลับมามองระบบการศึกษาที่ท่านกำลังจะเปลี่ยนแปลงอีกแล้ว ได้ยินข่าวว่าจะยุบกลุ่มสาระการเรียนรู้ใหญ่เหลือ
6 กลุ่ม ก็คงจะเป็นการปฏิรูปการศึกษาอีกรอบ...
เพราะการศึกษาบ้านเราชอบตามกระแส นักวิชาการทางการศึกษาก็ไม่ค่อยได้ใช้เวลาคลุกคลีกับเด็กนักเรียน นักศึกษามากนัก เอาเวลาส่วนใหญ่ไปวางแผนการบริหารการศึกษาแบบไม่หยุดนิ่ง
ปรับเปลี่ยนแนวคิดไปมาอยู่เสมอ เปลี่ยนคนเปลี่ยนความคิดตลอด ที่เหลือก็โยนความผิดให้ครูผู้ปฏิบัติการสอนเป็นผู้รับกรรมจากสังคม
ว่าการศึกษาไทยอ่อนแอ
แต่จะมีสักกี่คนที่จะเข้าใจความเป็นจริงของสังคมว่า เด็กทุกวันนี้ประสบปัญหามากมาย
ซึ่งส่วนใหญ่สังคมเป็นผู้สร้างไว้ทั้งนั้น อีกทั้งระบบการเข้ารับการศึกษาในระดับอุดมศึกษาที่ยุ่งยากขึ้นทุกวัน เด็กไทยต้องเครียดอีกมาแค่ไหน อะไร ๆ ก็ลงที่เด็กที่ครูผู้สอน การจะปรับปรุงการศึกษารอบต่อไป ขอให้คิดให้ดี ไม่จำเป็นต้องรื้อใหม่เสมอไป
ของเก่าดี ๆ ก็มี ปรับปรุงคงจะดีกว่าปฏิรูปเป็นแน่แท้ ไม่อยากเห็นความอ่อนแอของการศึกษาไทยที่ต้องค่อยตามหลังคนอื่น
เพราะเรามัวชื่นชมการศึกษาเมืองนอกจนเกินเหตุ
เมื่อไหร่จะเห็นนักวิชาการการศึกษาบ้านเราที่มีแนวคิดสร้างระบบการศึกษาที่ไม่ต้องตามเขา มันเหนื่อยทั้งคนปฏิบัติและคนวางแผนการศึกษาไหมที่ต้องคอยเปลี่ยนแปลงตามกระแส
แทนที่เราจะเป็นผู้นำกับต้องมาเป็นผู้ตาม
ความคิดส่วนตัวผู้เขียน เห็นได้ชัดว่าเด็กยุคใหม่สมัยนี้ไม่ได้อ่อนด้านความรู้ ด้านทักษะ
เด็กไทยเก่งขึ้นมากกว่าเดิมเยอะ
คงไม่ต้องมาท้อใจกับการประเมินการศึกษาที่วัดค่าทางสถิติตัวเลข เบื่อและท้อสังคมที่อ่อนแอตามกระแส
หวังว่าจะมีคนเข้าใจว่าครูไทยและเด็กไทยไม่อ่อนแอวิชาการอย่างที่คิด
เป็นกำลังใจให้ครูผู้ปฏิบัติการสอนและเด็กไทยสู้ต่อไป
ผู้เขียน
(ดอกท้อ)
วันที่เขียน
4 กันยายน พ.ศ. 2556
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น